รูเล็ต (Roulette) เป็นเกมพนันที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากในโลกของการพนัน ซึ่งเกมนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชาวยุโรปอย่างมาก
เกมรูเล็ตเริ่มต้นมาจากประเทศฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 17 ซึ่งต้นกำเนิดของเกมนี้ไม่เป็นที่แน่นอน บางคนเชื่อว่าชื่อรูเล็ตมาจากคำฝรั่งเศสว่า "รูเล็ต" (Roulette) ซึ่งหมายถึง "ล้อเหล็ก" ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งเชื่อว่าชื่อนี้มาจากคำฝรั่งเศส "рулетка"
กฏของเกมรูเล็ตค่อนข้างเรียบง่าย ผู้เล่นจะวางเดิมพันโดยการเลือกหมายเลขหรือสีที่เหมาะสม โดยมีตัวเลือกให้เลือกหลากหลาย จากนั้นตัวแทนของคาสิโนจะหมุนล้อเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่มีตัวเลขและสีต่าง ๆ ราวกับวงกลม แล้วเดิมพันที่เป็นภาพรวมก็จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ลูกล้อจะหยุดหมุนไปยังเลขหรือสีที่ผู้เล่นได้วางเดิมพันไว้
เทคนิคหนึ่งที่สำคัญในการเล่นรูเล็ตคือการเลือกเดิมพันให้เหมาะสมกับทุนที่มีอยู่ โดยทุนที่น้อยก็ควรเดิมพันต่ำและไม่มีความเสี่ยงมากนัก ในขณะที่ทุนที่มากก็สามารถเลือกเดิมพันสูงหรือรวมกับการวางเดิมพันในหลายตัวเลข ซึ่งอาจทำให้ได้เงินเยอะมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคในการวางเดิมพันบางแบบที่อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการชนะ เช่นการเลือกเดิมพันสี แต่ควรวางเดิมพันในสีเดียวกันตลอดเวลา หรือการวางเดิมพันในช่องเดียวกันเป็นเวลาหลายรอบเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ
นอกจากเทคนิคเลือกวางเดิมพันให้เหมาะสมกับทุนที่มีอยู่แล้ว ยังมีกฎและเทคนิคอื่น ๆ ที่ผู้เล่นควรทราบเมื่อเล่นรูเล็ต ดังนี้
กฎการวางเดิมพัน: ผู้เล่นสามารถวางเดิมพันได้หลายแบบ แต่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Inside Bet และ Outside Bet - Inside Bet: เป็นการวางเดิมพันที่วางบนตัวเลขในตารางรูเล็ต จะแบ่งออกเป็น
Straight up: วางเดิมพันที่ตัวเลขเดียว
Split: วางเดิมพันที่เส้นขนาน 2 เลข
Street: วางเดิมพันที่เส้นตรง 3 เลข
Corner: วางเดิมพันที่มุม 4 เลข
Six Line: วางเดิมพันที่เส้นตรง 6 เลข - Outside Bet: เป็นการวางเดิมพันที่วางบนเลขที่ไม่ใช่ตัวเลขในตารางรูเล็ต แต่มีตัวเลือกให้เลือกหลากหลาย ได้แก่
Red or Black: วางเดิมพันที่สีแดงหรือสีดำ
Even or Odd: วางเดิมพันที่เลขคู่หรือเลขคี่
Low or High: วางเดิมพันที่เลขต่ำ (1-18) หรือเลขสูง (19-36)
Dozen Bet: วางเดิมพันที่ช่วงเลข 1-12, 13-24, 25-36
Column Bet: วางเดิมพันที่คอลัมน์เลข
2. เทคนิคการเล่น: หลังจากแพ้ แล้วเพิ่มจำนวนเดิมพันเป็นสองเท่าในการวางเดิมพันต่อไป ถ้าแพ้อีกครั้งก็เพิ่มให้เป็นสี่เท่า และในกรณีที่ชนะก็จะลดจำนวนเดิมพันกลับมาเป็นเดิมพันเดิม
Reverse Martingale System: เป็นการเพิ่มจำนวนเดิมพันหลังชนะเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น วิธีการคือวางเดิมพันเท่าเดิม หลังชนะก็เพิ่มจำนวนเดิมพันเป็นสองเท่า และถ้าชนะอีกจะเพิ่มเป็นสี่เท่า แต่ถ้าแพ้ก็จะลดจำนวนเดิมพันกลับมาเป็นเดิมพันเดิม
D'Alembert System: เป็นการเพิ่มหรือลดจำนวนเดิมพันอย่างสม่ำเสมอ โดยให้เพิ่มหรือลดจำนวนเดิมพันเป็นหนึ่งหน่วยหลังจากแพ้หรือชนะ วิธีการคือถ้าแพ้ก็เพิ่มจำนวนเดิมพันเป็นหนึ่งหน่วย แต่ถ้าชนะก็ลดจำนวนเดิมพันเป็นหนึ่งหน่วย
Fibonacci System: เป็นการเพิ่มจำนวนเดิมพันตามลำดับของตัวเลข Fibonacci โดยให้เพิ่มจำนวนเดิมพันเป็นผลบวกของเลขก่อนหน้า วิธีการคือเริ่มต้นวางเดิมพันเป็นหนึ่งหน่วย แล้วหากแพ้ก็เพิ่มจำนวนเดิมพันตามลำดับของเลข Fibonacci แต่ถ้าชนะก็ลดจำนวนเดิมพันกลับมาเป็นเดิมพันเดิม